วันพุธที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2553

ภาษาเกาหลี

ภาษาเกาหลี
ภาษาเกาหลี (한국어/조선어,) เป็นภาษาที่ส่วนใหญ่พูดใน ประเทศเกาหลีใต้ และ ประเทศเกาหลีเหนือ ซึ่งใช้เป็นภาษาราชการ และมีคนชนเผ่าเกาหลีที่อาศัยอยู่ในสาธารณรัฐประชาชนจีนพูดโดยทั่วไป(ในจังหวัดเหยียนเปียน มณฑลจื๋อหลิน ซึ่งมีพรมแดนติดกับเกาหลี) ทั่วโลกมีคนพูดภาษาเกาหลี 78 ล้านคน รวมถึงกลุ่มคนในอดีตสหภาพโซเวียต สหรัฐอเมริกา แคนาดา บราซิล ญี่ปุ่น และเมื่อเร็วๆ นี้ก็มีผู้พูดใน ฟิลิปปินส์ ด้วย การจัดตระกูลของภาษาเกาหลีไม่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป แต่คนส่วนมากมักจะถือเป็นภาษาเอกเทศ นักภาษาศาสตร์บางคนได้จัดกลุ่มให้อยู่ใน ตระกูลภาษาอัลไตอิกด้วย ทั้งนี้เนื่องจากภาษาเกาหลีมีวจีวิภาคแบบภาษาคำติดต่อ ส่วนวากยสัมพันธ์หรือโครงสร้างประโยคนั้น เป็นแบบประธาน-กรรม-กริยา (SOV)อักษรเกาหลี เรียกว่าอักษรฮันกึล ใช้แทนเสียงของแต่ละพยางค์ นอกจากนี้ใช้ยังตัวอักขระแบบจีนเรียกว่าอักษรฮันจา ในการเขียนด้วย ในขณะที่คำศัพท์ที่ใช้กันส่วนใหญ่เป็นคำภาษาเกาหลีแท้โดยที่มีคำศัพท์มากกว่า 50%มาจากภาษาจีนทั้งทางตรงและทางอ้อม
 ตัวอย่างการทักทายภาษาเกาหลี
: 안녕하세요. อันนยองฮาเซโย  สวัสดีค่ะ/ครับ
: 안녕하세요. อันนยองฮาเซโย สวัสดีค่ะ/ครับ
: 이름이 무엇이에요? อีลือมี มูออชีเอโยะ ชื่ออะไรค่ะ/ครับ
: 이름은.... 이에요. เช อีลือมึน.... อีเอโย ชื่อของฉันคือ....
: 만나서 반가워요. มันนาสอ พันกาวอโย ยินดีที่ได้รู้จัก 
 : 만나요. 안녕히 가세요. โตะ มันนาโย อันนยอง คาเสโย แล้วพบกันใหม่นะคะ
: 만나요. 안녕히 가세요. เน่  โตะ มันนาโย อันนยอง คาเสโย แล้วพบกันใหม่นะคะ



กิมจิ

กิมจิ
กิมจิ เกาหลี: 김치, MC: Gimchi, MR: Kimch'i มีข้อสันนิษฐานกันว่าน่าจะเพี้ยนมาจากคำว่า "ชิมเช" (เกาหลี: 침채, ฮันจา: 沈菜, MC: chimchae, MR: ch'imch'ae ที่แปลว่าผักดองเค็ม กิมจิเป็นอาหารเกาหลีประเภทผักดองที่อาศัยภูมิปัญญาก้นครัวของชาวเกาหลี ด้วยการหมักพริกสีแดงและผักต่างๆ โดยทั่วไปจะเป็นผักกาดขาว ชาวเกาหลีนิยมรับประทานกิมจิเกือบทุกมื้อ และยังนำไปปรุงเป็นส่วนประกอบอาหารอีกหลายอย่าง เช่น ข้าวต้ม ข้าวสวย ซุป ข้าวผัด สตู บะหมี่ จนถึงพิซซาและเบอร์เกอร์ ปัจจุบันกิมจิมีมากกว่า 187 ชนิด ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะมีรสเผ็ด เปรี้ยว และมีกลิ่นฉุน แม้ปัจจุบันมีบริษัทอาหารผลิตกิมจิสำเร็จรูปหรือแบบสดขายตามห้างสรรพสินค้าก็ตาม แต่ชาวเกาหลีก็ยังนิยมทำกิมจิกินเองที่บ้าน

"ชุดฮันบก"ชุดประจำชาติเกาหลี

ชุดฮันบก
ฮันบกเป็นเครื่องแต่งกายประจำชาติเกาหลีมาเป็นเวลาพัน ๆ ปีมาแล้วความงามและความอ่อนช้อยของวัฒนธรรมเกาหลีจะถูกถ่ายทอดออกมาผ่านทางภาพถ่ายของสุภาพสตรีในเครื่องแต่งกายฮันบกนี้ก่อนที่วัฒนธรรมการแต่งกายแบบตะวันตกจะได้เข้ามาในเกาหลีเมื่อร้อยปีมาแล้วนั้น หญิงชาวเกาหลีจะสวมชุดฮันบกเป็นปกติทุกวัน ส่วนสุภาพบุรุษจะสวมชอโกรี (เสื้อนอกแบบเกาหลี) และพาจิ (กางเกงขายาว) ในขณะที่สุภาพสตรีสวมชอกอรีและชีมา (กระโปรง) ในปัจจุบันชุดประจำชาติฮันบก จะใช้สวมเฉพาะในโอกาสพิเศษต่าง ๆ เช่น งานมงคลสมรส วันซอลลัล (วันขึ้นปีใหม่ตามจันทรคติ) หรือวันชูซก (วันขอบคุณพระเจ้า) ฮันบก ของผู้หญิงประกอบด้วย กระโปรงพันรอบตัว เรียกว่า ชิมาและเสื้อ ชอกอรี ซึ่งคล้ายเสื้อแจ็คเก็ตฮันบกของผู้ชาย

วัฒนธรรมสำคัญของเกาหลี

เซริ  : ประเพณีตามฤดูกาล
 ประเพณีเซริ ซึ่งเป็นประเพณีที่เกี่ยวข้องกับพิธีกรรมทางศาสนา ตรงกับวันที่เป็นการเปลี่ยนแปลงฤดูกาลโดยยึดถือตามปฏิทินทางจันทรคติ เช่น ในวันขึ้นปีใหม่ ชาวเกาหลีจะทำการสักการะบรรพบุรุษ โดยการเซ่นไหว้ด้วยอาหาร เครื่องดื่มและเครื่องเซ่นต่างๆ หลังจากนั้นมีเซเบ หรือการโค้งคาราวะต่อผู้ที่อาวุโสในครอบครัว สำหรับในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือนอ้าย หรือที่เรียกว่าแดบอรึมนั้น จะมีการทำหุ่นฟางข้าว แล้วโยนลงในแม่น้ำ ซึ่งพิธีนี้ได้สูญหายไปจากหลายพื้นที่ในประเทศแล้ว แต่ประเพณีการกินเจ ยังกระทำอยู่โดยทั่วไป ในวันขึ้น 15 คำ เดือน 8 เป็นวันซูซอก เป็นวันแสดงความขอบคุณโดยลูกหลานจะไปไหว้บรรพบุรุษที่สุสาน อาหารพิเศษสำหรับวันนี้มีซองเพียนซึ่งเป็นขนมรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว ที่ใส่ งา ถั่ว ลูกเกาลัดหรือผักสดอื่น ๆ

พีธีเปลี่ยนวัย
    ในเกาหลีนั้น เมื่อชาวเกาหลีเกิดมาจะมีประเพณีต่างๆ ตั้งแต่เกิดจนตาย เรียกว่า กวานฮนอซังเจ ซึ่งรวมถึงประเพณีบรรลุนิติภาวะ ประเพณีการแต่งงาน ประเพณีงานศพ และประเพณีการเซ่นไหว้บรรพบุรุษ ประเพณีบรรลุนิติภาวะ เป็นพิธีเรียบง่าย เด็กชายจะไว้ผมยาวและผูกจุก ได้รับกัดหรือหมวก ที่ทำด้วยหางม้า ส่วนเด็กหญิงจะถักผมเปียและทำมวยผม แล้วปักด้วยปิ่นปักผมโลหะ เรียกว่า บินยิว ส่วนประเพณีแต่งงานจัดขึ้นที่บ้านเจ้าสาว และเมื่อแต่งงานแล้วทั้งคู่จะอยู่ที่บ้านเจ้าสาวไปอีก 2-3 วัน แล้วจึงไปอยู่บ้านเจ้าบ่าว
    ประเพณีงานศพ ของชาวเกาหลีเป็นพิธีที่มีขึ้นตอนมากมาย การไว้ทุกข์มักจะกระทำเป็นเวลา 2 ปี และมีระเบียบพิธีสวดมนต์ กราบไหว้ สักการะเป็นระยะตลอด 2 ปี ชาวเกาหลีได้สืบทอดประเพณีการเซ่นไว้บรรพบุรุษแสดงถึงความผูกพันระหว่างผู้ตายและลูกหลาน


อยากไปเกาหลีลีลีลีลี!

เกาะเชจูหรือเชจูโด
เกาะเชจูหรือเชจูโด(제주도) ในภาษาเกาหลีถือว่าเป็น เกาะแห่งองค์สาม กล่าวคือ หิน ลม และผู้หญิง เกาะหินรูปร่างลักษณะแปลก ๆ มีให้เห็นทั่วไป ทั้งริมฝั่งทะเล และบนภูเขา หินรูปหัวมังกร หรือ ยงทูอัม (용두암) นับว่าเป็นสัญลักษณ์ของเกาะเชจู
เชจูโด หรือเกาะเชจู ซึ่งอยู่ทางใต้ของโซลเป็นหนึ่งในจังหวัดทั้ง9ประเทศเกาหลี ซึ่งเราได้เห็นบรรยากาศสวย ๆ กันบ่อย ๆ จากซีรีย์เกาหลีต่าง ๆหากคุณเดินทางโดยเครื่องบินจากโซลจะใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง ทั้งยังมีเที่ยวบินตรงจาก โอซากา นาโงย่า ฟูกูโอกะ เซี่ยงไฮ้ และฮ่องกง มายัง เชจู อีกด้วยหรือคุณจะเดินทางมาจาก พูซาน วานโด อินชน ยอซู หรือ มกโพ โดยเรือเฟอร์รี่ก็ได้ เนื่องจากเป็นจังหวัดที่แยกออกไปจากแผ่นดินใหญ่ และมีบรรยากาศโรแมนติคแบบประเทศในเขตร้อน โดยมีสี่ฤดูและอากาศอบอุ่นสบาย อุณหภูมิโดยเฉลี่ย 15 องศาเซลเซียส ตลอดทั้งปีและในฤดูร้อนอุณหภูมิโดยเฉลี่ยคือ 22-26 องศาเซลเซียส คู่บ่าวสาวที่เพิ่งแต่งงานและนักท่องเที่ยวจึงนิยมไปเที่ยวที่เกาะแห่งนี้
เกาะเชจูและถ้ำลาวา คือหนึ่งในแหล่งมรดกโลกของประเทศเกาหลีใต้ เป็นเกาะภูเขาไฟที่ตั้งอยู่ในทะเลจีนตะวันออก และห่างจากชายฝั่งทางใต้ของเกาหลี 130 กิโลเมตร ตัวเกาะมีพื้นที่ 1,846 ตร. กม. เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุด มีภูเขาที่สูงที่สุด (1,950 เมตร) และเป็นจังหวัดที่เล็กที่สุดของเกาหลีใต้

เกาะนามิ
เกาะนามิซัม (Namiseom) หรือนามิโด (Namido Island) ตั้งอยู่ในเมืองชุนซอน จังหวัดคังวอน เป็นเกาะกลางแม่น้ำมีรูปร่างเหมือนใบไม้ลอยน้ำ เป็นเกาะที่เกิดจากการสร้างเขื่อนชองเปียง (Cheongpyeong) กั้นแม่น้ำ Bukhan ชื่อของเกาะนามิถูกตั้งขึ้นตามชื่อของนายพลนามิ ทีรับราชกาชตั้งแต่อายุ 17 ปี และถููกประหารเพราะมีความก้าวหน้าในหน้าที่การทำงานมากเกินไป ซึ่งเป็นนายทหารที่มีชื่อเสียงมากในสมัยราชวงศ์โชซอน  เป็นเกาะที่เป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ในการใช้เวลาว่างเพื่อพักผ่อนของครอบครัวหรือคู่หนุ่มสาวนิยมใช้สถานที่นี้ในการออกเดท เพราะมีบรรยากาศที่โรแมนติกและที่สำคัญ คือ อยู่ห่างจากกรุงโซลเพียง 1 ชั่วโมงครึ่ง หากจะขึ้นแท็กซี่ไปเกาะนามิพูดว่านามิ ซอม คาโยแปลเป็นไทยว่า ไปเกาะนามิ ค่ะฤดูใบไม้ร่วงเป็นเป็นช่วงเวลาที่เกาะนามิ น่าหลงใหลเป็นที่สุดเพราะการเปลี่ยนสีแดงสีเหลืองของบรรดาใบไม้บนเกาะนั้น ยิ่งทำให้บรรยากาศบนเกาะนามิโรแมนติกยิ่งขึ้น และที่พลาดไม้ได้เพราะเป็นไฮไลท์ของเกาะนามิ คือ รูปถ่ายขนาดตัวจริงของ เบยองจุน และ แชงจีอู คู่พระนางในละคร winter love song หรือเพลงรักในสายลมหนาว และทิวสนต้นใหญ่หลายต้นที่ยืนตั้งตระง่านเรียงรายคอยต้อนรับนักท่องเที่ยวรอให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปความประทับใจไว้เป็นความทรงจำว่ากาลครั้งหนึ่งได้เคยเดินทางมา ณ เกาะนามิ นอกจากนี้ก็ยังมีศูนย์นิทรรศการจัดแสดง
รายละเอียดสถานที่ถ่ายทำละครเกาะนามินี้ยังมีกิจกรรมสนุก ๆ เช่น ขี่จักรยาน สกีน้ำ พายเรือ สนามเด็กเล่น สนามฟุตบอล สนามเทนนิส สระว่ายน้ำ เล่นเลื่อนหิมะ และชม ฟาร์มนกกระจอกเทศ ห่างจากกรุงโซล เพียง 63 กิโลเมตร ณ ที่แห่งนี้ท่านสามารถคารวะ สุสานนายพลนามิ ซึ่งเป็นเจ้าของเกาะ เช่าจักรยานเที่ยวรอบเกาะ ดื่มด่ำกับธรรมชาติ แมกไม้ ทิวสน ต้นเกาลัดได้อีกด้วย


ภาษาจีนกลาง

ภาษาจีนกลาง

ภาษาจีนกลาง ใช้เรียกคำต่าง ๆ ในภาษาจีน ที่ใช้เรียกประเภทของภาษาพูดจีนที่สัมพันธ์กัน ตรงกับคำในภาษาอังกฤษว่า "Mandarin"
ในวงแคบ คำว่า ภาษาจีนกลาง ใช้เรียก ผู่ทงฮั่ว (普通/普通話) และ กั่วอวี่ (/國語) ซึ่งเป็นภาษาพูดมาตรฐานที่เกือบจะเหมือนกัน ซึ่งมีพื้นฐานมาจากภาษาพูดที่ใช้กว้างขวาง คือ Beifanghua เป่ยฟางฮั่ว ซึ่งความหมายในวงแคบนี้ คือความหมายที่ใช้ในบริบทนอกวิชาการ
ในวงกว้าง คำว่า ภาษาจีน ใช้เรียก เป่ยฟางฮั่ว ("ภาษาพูดทางเหนือ") ซึ่งเป็นประเภทที่ประกอบด้วยภาษาย่อยต่าง ๆ ของภาษาจีนที่ใช้ในทางตอนเหนือและตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ซึ่งความหมายนี้มักจะพบในบริบททางวิชาการ และจะใช้ความหมายนี้ในบทความนี้ โดยที่ผู่ตงฮั่วและกั๋วอวี่ จะใช้ชื่อจีนเรียก รวมถึงใช้ "ภาษาจีนกลางมาตรฐาน" และ "ภาษาจีนมาตรฐาน" เรียก
ภาษาประเภทเป่ยฟางฮั่วมีคนพูดมากกว่าภาษาอื่น ๆ และเป่ยฟางฮั่วก็เป็นพื้นฐานของผู่ตงฮั่วและกั่วอวี่ด้วย อย่างไรก็ดี เป็นที่น่าสังเกตว่า เป่ยฟางฮั่วครอบคลุมภาษาย่อยจำนวนมากที่ไม่สามารถเข้าใจกันได้ นอกจากนี้ แนวคิดเป่ยฟางฮั่วส่วนใหญ่ ไม่ใช้นอกวงการวิชาการเป็นคำที่ใช้อธิบายตัวเอง เมื่อให้อธิบายชนิดของภาษาพูดที่ใช้ คนจีนที่พูดชนิดของเป่ยฟางฮั่วจะอธิบายตามชนิดของภาษาที่ใช้ เช่น ภาษาเสฉวนหรือภาษาจีนตะวันออกเฉียงเหนือ ชาวจีนมักจะถือชนิดของภาษาจีนกลางที่พูด เป็นส่วนหนึ่งของการระบุมณฑลที่อายอยู่ อย่างไรก็ดี แทบจะไม่มีอะไรที่สามารถระบุได้โดยทั่วไป เกี่ยวกับแนวคิดของภาษาพูดทางเหนือ
ตัวอย่างการทักทายภาษาจีน

你好!
หนี ห่าว
สวัสดี
你好嗎? (你好?)
หนี ห่าว มา
คุณสบายดีไหม
我很好, 你呢?
หว่อ เหิน ห่าว, หนี่ เนอ
ฉันสบายดี แล้วคุณล่ะ
我也很好。
หวอ เหย่ เหิน ห่าว
ฉันก็สบายดี

มารยาทการกินของชาวจีน

มารยาทการกินของชาวจีน
 ชนชาติจีนเป็นหนึ่งใน 3 ชนชาติที่เป็นเจ้าแห่งวัฒนธรรมการกิน อีก 2 ชน
ชาตินั้น ได้แก่ กรีก และโรมัน อาหารนานาชนิดที่เกิดขึ้นในโลกนี้ได้รับอิทธิพล
การกินจากประเทศจีนเป็นส่วนใหญ่ เช่น เส้นสปาเก็ตตี้ที่เรากินกันอยู่นี้ก็มีกำเนิดมา
จากเส้นก๋วยเตี๋ยวของจีนนั่นเอง เมื่อเริ่มมีการติดต่อซื้อขายกันฝรั่งได้ชิมรสของ
ก๋วยเตี๋ยวเกิดติดใจจึงนำสูตรการทำไปเผยแพร่ในประเทศของตน และปรับปรุง
ดัดแปลงให้เข้ากับวัฒนธรรมของตนจนเกิดเป็นอาหารเส้นต่างๆมากมาย และแพร่
หลายไปทั่วโลกจนเกิดความเข้าใจผิดว่าเส้นสปาเก็ตตี้ และเส้นมะกะโรนี ทั้งหลาย
มีต้นตำรับเป็นชนชาติยุโรป
ชนชาติจีนนี้เป็นชนชาติแรกที่รู้จักการใช้ไฟทำให้อาหารสุก รู้จักการเลี้ยง
สัตว์ การปลูกผักเพื่อนำมาเป็นอาหาร และการนำโลหะมาประดิษฐ์ขึ้นเป็นภาชนะ
หุงต้ม นี่เป็นส่วนแรกที่บอกได้ว่าคนจีนให้ความสำคัญต่อการกินเป็นอย่างมาก ชาวจีนมีเคล็ดลับการปรุงอาหารมากมายรวมทั้งอาหารต่างๆ ส่วนใหญ่ยังเป็นยา
ชั้นยอดอีกด้วย สิ่งที่มีความน่าสนใจอีกอย่างหนึ่ง ได้แก่ มารยาทการกินอาหารของ
คนจีน
จากตำราว่าด้วยธรรมเนียมการกินของคนจีนสมัยโบราณที่ถือกันมานานเป็น
พันปี กำหนดไว้ว่า
1. ถ้าแขกที่ได้รับเชิญไปกินอาหารมีตำแหน่งราชการต่ำกว่าผู้เป็นเจ้าภาพ
ก่อนจะนั่งโต๊ะ ผู้น้อยที่เป็นแขกควรแสดงความไม่บังควรที่จะร่วมโต๊ะกับผู้ใหญ่
จะนั่งลงได้ก็ต่อเมื่อผู้ใหญ่คะยั้นคะยอ
2. อย่าเพิ่งลงมือกินจนกว่าจะเห็นผู้ใหญ่ใช้ตะเกียบคีบอาหารชิ้นแรกเข้าปาก
และเมื่อจะคีบอาหารกินบ้าง ก็ต้องเลือกชิ้นที่เล็กและอร่อยน้อยที่สุด อย่าเลือกชิ้น
อร่อยที่สุดเช่นส่วนที่เป็นหัวพุงหัวมันกินก่อนเป็นอันขาด เพราะเป็นการเสียมารยาท
อย่างร้ายแรง จะได้กินของดีที่สุดในจานหนึ่ง ๆ ก็จะต้องคอยจนกว่าจะเป็นผู้ใหญ่

จริง ๆ ที่คนต่ำยศกว่าเราเชิญไปกิน
3. ถ้าเจ้าภาพไม่เชิญดื่มสุราล้างปากระหว่างจาน อย่ายกแก้วหรือจอกขึ้น
ดื่มเองโดยลำพังเป็นอันขาด ต้องคอยให้ผู้มีอาวุโสเขาชวนดื่มจึงค่อยดื่ม
4. เวลากินอาหารไม่ควรส่งเสียงดัง ไม่ควรใช้ฟันหน้าแทะกระดูกกันในโต๊ะ
อาหาร และชิ้นปลาที่กัดแล้วไม่มีการวางกลับลงในจานจะต้องกินทั้งชิ้น โดยเลือก
เอาแต่ชิ้นที่กินได้พอดีคำ
5. เนื้อสัตว์ที่ต้ม ตุ๋น หรือทอดจนนุ่มหรือกรอบแล้ว สามารถใช้ฟันกัดแบ่งกิน
ทีละคำได้ แต่ถ้าเป็นเนื้อที่แห้งเหนียว ต้องใช้มีดตัดให้ขาดเป็นชิ้นเสียก่อน แล้วจึง
ใช้ตะเกียบคีบเข้าปาก การฉีกเนื้อเหนียวด้วยมือแล้วป้อนเข้าปากนั้นถือเป็นกิริยาที่
ไม่สุภาพ
กฎอีกข้อที่เห็นจะลืมกล่าวไปไม่ได้นั่นคือ เมื่อกินซุปจะต้องไม่เติมอะไรเลย
เว้นแต่น้ำซุปหูหลามที่เขาเอาน้ำส้มจิ๊กโฉ่มาให้เติม ถ้าใครเติมซอสใดๆลงไปในซุป
เจ้าของบ้านจะขอโทษและบอกว่า "หมดสติปัญญาที่จะปรุงซุปที่รสชาติดีกว่า
นี้ไว้รับรองท่าน" นั้นหมายถึงว่า ซุปถ้วยนั้นๆเป็นซุปที่เจ้าของบ้านบรรจงทำอย่าง
สุดฝีมือแล้ว หากเราเติมซอสปรุงรสใดๆจึงเสมือนการดูถูกฝีมือของเจ้าบ้าน